ความรู้และบริการ / ทันตกรรมรากฟันเทียม
ทันตกรรมรากฟันเทียม ย้อนกลับไปเมนูหน้าแรก
การปลูกรากฟันเทียมเป็นวิธีการสมัยใหม่ในการแทนที่รากฟันจริงตามธรรมชาติ โดยทันตแพทย์จะทำการฝังรากฟันเทียมลงบนกระดูกรองรับฟัน ซึ่งจะสร้างพื้นฐานที่มั่นคงให้แก่ฟันที่ใช้ทดแทนฟันที่สูญเสียไป (อาจเป็นครอบฟันสะพานฟัน หรือแผงฟันปลอมแบบถอดออกได้) โดยรากฟันเทียมที่ใช้ผลิตจากวัสดุไทททาเนียมที่ได้รับการวิจัยว่าไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกายมนุษย์ หรือผลข้างเคียงใดๆ

ประเภทของการปลูกรากฟันเทียมที่เหมาะสมกับผู้เข้ารับบริการแต่ละท่านอาจมีความแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และความต้องการของแต่ละบุคคล รวมถึงสุขภาพของเหงือก ช่องปากและกระดูกรองรับฟันที่เหมาะสม ดังนั้นในการตรวจวินิจฉัยของทันตแพทย์จึงมีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาจากผลเอ๊กซเรย์ และ/หรือ ผล CT scan ซึ่งสามารถบอกถึงสภาพของกระดูกรองรับขากรรไกร และช่องว่างในการปลูกรากฟันเทียม รวมถึงการเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุด

ปัจจุบันได้มีหลายบริษัทที่ทำการผลิตรากฟันเทียม โดย 2 บริษัทใหญ่ที่ทำการผลิตรากฟันเทียมไททาเนียมที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมได้แก่บริษัท ITI ผู้พัฒนาระบบรากฟันเทียม Straumann และบริษัท Nobel Biocare ซึ่งเป็นที่ยอมรับในคุณภาพและมาตรฐานการผลิตที่ดีมาเป็นเวลายาวนาน


ข้อดีของการปลูกรากฟันเทียมไททาเนียม

1. ช่วยเพิ่มความมั่นใจและคุณภาพชีวิต
2. ลดขนาดและรูปร่างพร้อมทั้งให้ความเป็นธรรมชาติมากขึ้นแก่สะพานฟันและฟันปลอม
3. ลดปัญหาการเสียเนื้อฟันซึ่งมีความจำเป็นในการทำสะพานฟันแบบทั่วไป
4. ความแข็งแรงและมั่นคงของรากฟันเทียม ช่วยเพิ่มความสามารถในการบดเคี้ยวทำให้สามารถเลือกรับประทานอาหารได้ตามต้องการ
5. ช่วยเพิ่มความมั่นใจรวมถึงประสิทธิภาพในการออกเสียงและสนทนา
6. มีความสะดวกสบายกว่าการใส่ฟันปลอมแบบทั่วไป
7. ช่วยป้องกันการสูญเสียฟันบริเวณข้างเคียงและกระดูกรองรับอันเกิดจากการสูญเสียฟัน
8. ช่วยส่งเสริมบุคลิก ทำให้แลดูอ่อนเยาว์ และให้ความสวยงามที่ดูเป็นธรรมชาติ
9. ช่วยให้สุขภาพของช่องปากดีขึ้น
10. มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน รวมถึงมีความทนทานสูง
11. ลดปัญหาการเคลื่อนตัว การหลุดออก และความกังวลใจเกี่ยวกับการเลื่อนหลุดของฟันปลอม

การทดแทนฟันหนึ่งซี่

ประกอบด้วยวัสดุ 3 ชิ้น คือ รากฟันเทียมไททาเนียม เสายึด (abutment) ที่ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมและครอบฟัน โดยในการติดยึดครอบฟัน สามารถทำได้ด้วยการใช้กาวพิเศษที่ใช้ทางทันตกรรม หรือด้วยการสกรู (screw) ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ


ด้วยทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบัน ช่วยให้การผลิตวัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงระบบและเทคนิคในการปลูกรากฟันเทียมได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยรากฟันเทียมได้รับการปรับปรุงรูปร่างให้มีรูปร่างที่แตกต่างกันไปให้เหมาะสมกับสภาพช่องปาก กระดูกรองรับฟันและตำแหน่งที่จะทำการฝัง ของแต่ละบุคคลทำให้ระดับการประสบความสำเร็จในการปลูกรากฟันเทียมมีอัตราที่สูงมากขึ้น

การปลูกรากฟันเทียมแบบเดี่ยว (หนึ่งจุดต่อหนึ่งซี่) การปลูกรากฟันเทียมประเภทนี้จะรวมถึงการทำครอบฟันบนรากฟันเทียม เพื่อทดแทนฟันซี่ที่สูญเสียไป โดยการปลูกรากฟันเที่ยมไททาเนียมจะเป็นวิธีการทดแทนแบบถาวรมีอายุการใช้งานที่นาน และมีประสิทธิภาพการใช้งานและมีความสวยงามใกล้เคียงกับฟันตามธรรมชาติอีกด้วย

 

การทดแทนฟันหลายซี่

กรณีที่มีการสูญเสียฟันหลายซี่ในบริเวณต่างๆ ซึ่งมีตำแหน่งที่ไม่ติดต่อกัน การทดแทนฟันเหล่านั้นด้วย การปลูกรากฟันเทียมแบบเดี่ยว (หนึ่งจุดต่อหนึ่งซี่) จะเป็นหนึ่งในวิธีการที่เหมาะสมที่สุด

สำหรับกรณีที่มีการสูญเสียฟันหลายซี่ในบริเวณเดียวกันและมีตำแหน่งฟันที่ติดกัน การปลูกรากฟันเทียมเพื่อรองรับสะพานฟัน จะเป็นวิธีการทดแทนฟันเหล่านั้นที่ดีวิธีการหนึ่ง เนื่องจากรากฟันเทียมมีความแข็งแรงสูง สามารถรองรับการบดเคี้ยวของฟันได้มากกว่าหนึ่งซี่

วิธีการจะมีความใกล้เคียงกับการทำสะพานฟันแบบธรรมดา จะมีข้อแตกต่างเพียงการทำสะพานฟันแบบธรรมดาจะเป็นการเพิ่มการรับแรงบดเคี้ยวบนฟันจริงให้ต้องรับงานมากขึ้น ขณะที่รากฟันเทียมมีความแข็งแรงสูงจึงไม่มีผลในการต้องรับแรงที่มากขึ้น

การทดแทนฟันทั้งปาก

ในกรณีที่จะต้องทำการทดแทนฟันทั้งหมดด้วยการปลูกรากฟันเทียมนั้นจะมี 2 วิธีการหลักดังนี้

1. การปลูกรากฟันเทียมเพื่อรองรับสะพานฟันแบบทั้งขากรรไกร
2. การปลูกรากฟันเทียมเพื่อรองรับแผงฟันปลอม
การปลูกรากฟันเทียมเพื่อรองรับสะพานแบบทั้งขากรรไกร ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบัน การทดแทนฟันที่สูญเสียไปทั้งหมด หรือ ทั้งขากรรไกร (บน และ/หรือ ล่าง) นั้น สามารถทำได้ด้วยการปลูกรากฟันเทียมเพื่อรองรับสะพานฟัน

ซึ่งจะมีประสิทธิภาพในการใช้งานและความสวยงามเท่าเทียมกับฟันแท้จริงตามธรรมชาติ หรืออาจดีกว่าในบางครั้ง โดยวิธีการนี้จะเป็นการทดแทนแบบถาวร มีความมั่นคงแข็งแรงสูงเมื่อเทียบกับการใส่แผงฟันปลอม ดังนั้นวิธีการนี้จึงเปรียบเสมือนฟันชุดใหม่ที่ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ

การปลูกรากฟันเทียมเพื่อรองรับแผงฟันปลอม เป็นวิธีการทดแทนฟันอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งจะเพิ่มความมั่นคงให้แก่แผงฟันปลอมไม่ให้หลุดลื่นได้โดยง่าย และด้วยการปลูกรากฟันเทียมเพื่อรองรับแผงฟันปลอมช่วยให้การประดิษฐ์แผงฟันปลอมนั้น สามารถทำด้วยขนาดที่เล็กลงและเพิ่มความสะดวกสบายขณะสวมใส่ได้อีกด้วย เนื่องจากขนาดของวัสดุที่ใช้ยึดแผงฟันปลอมกับรากฟันเทียมนั้นมีขนาดเล็กและให้ความมั่นคงสูง ดังนั้นวิธีการนี้จึงเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ต้องการทดแทนฟันจำนวนมาก และสามารถถอดออกได้

 

คำแนะนำและข้อปฏิบัติหลังการเข้ารับการผ่าตัดปลูกรากฟันเทียมไททาเนียม

1. ภายในวันแรกหลังการผ่าตัดควรรับประทานอาหารชนิดเหลวเท่านั้นเพื่อหลีกเลี่ยงเศษอาหารและการก่อให้เกิดการระคายเคืองแก่บาดแผล หลังจากนั้น ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ หรือเคี้ยวง่ายๆต่อไปประมาณ 1 สัปดาห์
2. ห้ามรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ร้อนจัดหรือเย็นจัดภายในวันแรกหลังการผ่าตัด
3. อาการบวมเป็นอาการปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังการผ่าตัด ทั้งนี้หากผู้เข้ารับบริการมีอาการบวมมากผิดปกติหรือเกิดอาการเจ็บปวด หรือ อาการเลือดไหลไม่หยุด ให้รีบติดต่อทันตแพทย์หรือศูนย์ทันตกรรมทันที
4. ควรใช้น้ำยาบ้วนปากแบบฆ่าเชื้ออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง คือตอนเช้าและก่อนนอน โดยผสมน้ำยา 1 ฝากับน้ำอุ่นแล้วอมไว้ประมาณ 1 นาที ใช้ติดต่อกันจนหมด
5. ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มมึนเมา
6. ไม่ควรสวมใส่ฟันปลอมเก่าจนกว่าจะได้รับการแก้ไขจากทันตแพทย์ เพราะอาจมีผลต่อบริเวณแผลและการล่าช้าในการสมานของแผล
7. หลีกเลี่ยงการบดเคี้ยวหรือการรับแรงกระแทกบริเวณที่ปลูกรากฟันเทียมในช่วงรักษาแผล
8. ควรนอนบนหมอนสูงในช่วงระยะแรกหลังการผ่าตัด เพื่อช่วยลดอาการบวมที่อาจเกิดขึ้นได้
9. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหลังการผ่าตัด
 

คำแนะนำด้านการดูแลหลังการปลูกรากฟันเทียมไททาเนียม

การแปรงฟัน การใช้ไหมขัดฟัน และ การทำความสะอาดอย่างถูกต้องรวมถึงการตรวจสุขภาพช่องปากและฟันอย่างสม่ำเสมอนั้นมีความสำคัญเสมอ แม้หลังได้รับการปลูกรากฟันเทียมไททาเนียมแล้วก็ตาม ซึ่งข้อปฏิบัติในการดูแลมีดังนี้

1. ควรแปรงฟันหลังรับประทานอาหารและก่อนเข้านอนด้วยแปรงขนนุ่ม
2. ควรใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 1 – 2 ครั้ง และควรใช้แปรงซอกฟันในการทำความสะอาดซอกฟันเพื่อป้องกันคราบแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคเหงือกและปัญหาในช่องปากต่างๆ
3. ก่อนเข้านอนควรบ้วนปากด้วยน้ำยาที่ผสมสารฟลูออไรด์ โดยกลั้วปากนานอย่างน้อย 1 นาทีและไม่ควรรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำภายใน 30 นาที เพื่อสุขอนามัยของปากและฟันที่ดี
4. ควรระมัดระวังในการรับประทานอาหารที่มีความแข็ง หรือ เหนียว เกินไป
5. ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน รวมถึงเข้ารับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ